วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

[ปัตตานี][นราธิวาส]โรงพยาบาลชุมชน+สถานสงเคราะห์เด็ก

 
     โรงพยาบาลยี่งอเป็นโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดนราธิวาสค่ะ เข้ามาในโรงพยาบาลก็จะเจอคนเยอะมากๆ คนส่วนใหญ่เป็นคนมุสลิม ใช้ภาษามลายูในการสื่อสารค่ะ ก่อนไปที่โรงพยาบาลเราก็ได้เรียนภาษามลายูมาล่วงหน้าแล้ว พอไปถึงก็ได้คุยกับคนไข้และญาติคนไข้เป็นภาษามลายูด้วย ^^ แต่ก็พูดได้แค่นิดหน่อย ฮ่าๆๆ แต่สนุกมากๆ ทุกคนน่ารัก ใจดี คุยเก่งมากๆค่ะ ไม่น่าเชื่อว่ามาโรงพยาบาลค่ะ หน้าตายิ้มแย้มสดใสยิ่งกว่านักศึกษาปีหนึ่งอย่างพวกเราซ้ะอีก
 ก๊ะ(แปลว่า พี่)คนนี้ยิ้มน่ารักมากๆ เห็นรอยยิ้มแบบนี้แล้วรู้สึกว่าโลกสดใสใช่มั้ยคะ XD
 เด็กตัวเล็กๆ เราเรียกว่า อาเด๊ะ > <" อิอิ เด๊ะ แปลว่า น้องค่ะ
 อันนี้สงสัยจะคุยกันถูกคอ ฮ่าๆ
คุณหมอในอนาคต ดูท่าทางใจดีมั้ยคะ ^__^
หลังจากที่ได้คุยกับคนไข้ เราก็ได้ข้อมูลมาว่าปกติเขาไม่ได้มาโรงพยาบาลกันนะคะ เพราะค่อนข้างไกลจากบ้าน(ขนาดเป็นโรงพยาบาลชุมชนแล้ว ยังไกลเลยค่ะ TT) ซึ่งปกติเวลาป่วยชาวบ้านจะไปที่สถานีอนามัยค่ะ เพราะใกล้บ้าน สะดวก และที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่สูงค่ะ คนที่ไม่ค่อยมีรายได้ ถ้าไม่ป่วยจริงๆคงไม่มาหาหมอที่โรงพยาบาลแน่ๆ
หลังจากนั้นเราก็ไปทำความรู้จักกับคนในโรงพยาบาลบาล เดินสำรวจบรรยากาศรอบๆด้วยค่ะ เป็นโรงพยาบาลชุมชนที่น่าไปทำงานจริงๆ
 พี่คนนี้อยู่แผนกER(ฉุกเฉิน) พี่เขาก็สอนนู้นสอนนี่เยอะมากๆค่ะ
 เริ่มหมดแรงกัน -.,-" 555555
 ห้องพักฟื้นผู้ป่วยหญิง
 "หนึ่งเดียวคือหัวใจ หนึ่งต่อไปคือบ้านเรา รวมกันเข้าเป็นโลกหนึ่งใบใจเดียวกัน"
 นี่เป็นบอร์ดเฉลิมพระเกียรติ จัดแสดงรูปพระราชกรณียกิจของในหลวงค่ะ รูปนี้เป็นรูปเมื่อหลายปีที่แล้ว พระองค์เสด็จมาเยี่ยมเยียนพี่น้องชาวมุสลิม

ต่อไปเป็นสถานสงเคราะห์เด็กจังหวัดปัตตานี
เป็นโครงการแบ่งปันความสุขของเพื่อนๆโครงการ AFS โรงเรียนสาธิต มอ. ค่ะ
 น้องๆมีความสุขกับการถ่ายรูปมาก ^^
 กิจกรรมสอนน้องทำสร้อยข้อมือ ให้น้องๆเก็บไว้ใส่กันเองค่ะ
 
 ก่อนกลับก็เลี้ยงไอศกรีมเด็กๆ พี่ๆก็กินด้วยค่ะ ^^
 น้องๆเขาขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วยนะคะ เอาไว้โทรตามให้มาเล่นกันอีก ฮ่าๆ

กิจกรรมเลี้ยงไอศกรีมให้เด็กๆที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ
จังหวัดนราธิวาส
 อนาคตของชาติกำลังยิ้ม เย้! ^_^
หลังเสร็จภารกิจ เราก็ไปฉลองกันเอง 55

รวบรวมเสื้อผ้าไปบริจาคค่ะ แต่ไม่ได้ไปเอง ฝากแม่ของเพื่อนไป
 


ช่วยกันทำสื่อการเรียนรู้ไปให้โรงเรียนในชุมชน



 
 
 
 
ไปไกลแค่ไหน ก็อย่าลืมหันหลังกลับมามองคนที่ยังอยู่บนรากหญ้านะคะ อย่าดูถูกโรงเรียนในชนบทและมหาวิทยาลัยในท้องถิ่นกันเลยนะคะ เพราะในสังคมมีคนอีกตั้งมากมายที่ยังขาดโอกาสทางการศึกษา และสถานศึกษาเหล่านี้แหละค่ะที่จะช่วยลดช่องว่างในสังคม

การที่ในสังคมมีคนรวยมาก 30 คนและคนที่ตื่นมาตอนเช้ายังไม่รู้จะกินอะไรอีก 70 คน เรามาเป็นคนที่พอมีพอใช้เท่าๆกันให้หมดน่าจะดีกว่านะคะ...

ขอบคุณรูปจากเฟซบุ๊คน้องก๊อกแก๊ก สาธิต'42 กับ พี่กรค่ะ

1 ความคิดเห็น: